ทัวร์รัสเซียส่วนตัว (STP002) GRAND SAINT PETERSBURG - MOSCOW 6 วัน 5 คืน
ทัวร์รัสเซียส่วนตัว GRAND SAINT PETERSBURG - MOSCOW 6 วัน 5 คืน ครบไฮไลต์ โปรแกรมกระชับที่สุด และขายดีที่สุด เริ่มต้นทริปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (นอน 3 คืน) หรือมอสโคว์ (นอน 2 คืน) หรือสลับเมืองกันได้ แล้วแต่เที่ยวบิน ทริปส่วนตัว ยืดหยุ่น กรุ๊ปเล็ก เที่ยวสบาย มีรถตู้พร้อมคนขับและไกด์ท้องถิ่น บริการ
1 นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือเลนิน กราดเดิม ที่สร้างโดยพระเจ้าปีเตอร์ มหาราช เมื่อปี ค.ศ. 1703 นครแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ของชาวเมืองหลายครั้ง และยังเป็นอู่กำเนิดอำนาจของการปฏิวัติรัสเซียที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกประกอบด้วย 44 เกาะ เชื่อมต่อกันด้วย แม่น้ำ-ลำคลองอีก 86 สาย สวยงามจนได้รับฉายาว่า “ราชินีแห่งยุโรปเหนือ” นครแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของรัสเซียมานานกว่า 200 ปี ตัวเมืองนั้น ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนครที่สวยและสมบูรณ์มากที่สุดในด้านงานสถาปัตยกรรมและผังเมือง จากการถูกรังสรรค์โดยศิลปินทั่วทุกมุมแผ่นดินยุโรป
วันนี้รับท่านณสนามบินและพาเที่ยว SAINT PETERSBURG ตามเวลาเอื้ออำนวย
พักค้างคืน ณ St.Petersburg
2 นครเซนปีเตอร์สเบิร์ก - พระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟ - พระราชวังฤดูหนาว (พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ) - พระราชวังนิโคลัส พาเลซ พิเศษ !! พร้อมชมโชว์พื้นเมือง
ชมความงามของพระราชวังฤดูร้อนปีเตอร์ฮอฟหรือปีโตรเดอร์วาเรส หรือเปโตรควาเรสต์ ริมฝั่งทะเลบอลติค สร้างในปี ค.ศ.1705 ในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ซึ่งพระองค์ใช้เป็นที่พักผ่อนและล่าสัตว์ในฤดูร้อน โดยมีความประสงค์จะให้พระราชวังนี้มีความงดงามยิ่งกว่าพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส เพื่อแสดงออกถึงความเจริญรุ่งเรืองของรัสเซีย ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงและช่างฝีมือจากประเทศต่างๆมากมาย สิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค และนีโอคลาสิค ที่ใช้ประดับประดาห้องหับต่างๆ เช่น ห้องบอลรูม ห้องท้องพระโรง ขอเชิญคณะท่านตื่นตาตื่นใจกับประติมากรรมน้ำพุอันโดดเด่นอลังการด้วยทองเหลืองอร่าม ลดหลั่นกันถึง 27 ขั้น ตกแต่งด้วยรูปปั้นอีก 255 ชิ้น และร่มรื่นลงตัวกับอุทยานพฤกษานานาพันธุ์
ชมความยิ่งใหญ่ของ “พระราชวังฤดูหนาว” เริ่มสร้างในสมัยของพระนางอลิซาเบธ (พระธิดาของพระเจ้าปีเตอร์ มหาราช) ในปี ค.ศ. 1754 ผ่านชมเสาหินแกรนิตอเล็กซานเดอร์ และเข้าชมภายในพระราชวัง ที่ประกอบด้วยห้องต่างๆมากมายมากกว่า 1,050 ห้อง ณ สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่รับรองการเสด็จเยือนรัสเซียของรัชกาลที่ 5 ของไทยในการเจริญสัมพันธไมตรีไทยกับรัสเซีย พร้อมทั้งทรงร่วมฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซียอีกด้วย ปัจจุบันพระราชวังนี้ได้ถูกใช้เป็น พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (HERMITAGE MUSEUM) ที่เก็บรวบรวมสิ่งของล้ำค่าจากทั่วโลกกว่า 3 ล้านชิ้น รวมทั้งภาพเขียนของจิตรกรเอกของโลก อาทิ ลีโอนาโด ดาวินซี่, ปิกัสโซ, แรมบรันด์, แวนโก๊ะฯลฯ อิสระให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ
พระราชวังนิโคลัส พาเลซ “NIKOLAEVSKY PALACE” สร้างในปี ค.ศ.1853 -1861 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของแกรน์ดดยุกนิโคเลย์ (Grand Duke Nikoley) โอรสของพระเจ้านิโคลัสที่ 1 ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะพื้นเมือง จากนั้นนำท่านชมการแสดงดนตรีพื้นเมืองของชาวรัสเซีย การแสดงแต่ละชุดสนุกสนาน ด้วยชุดสีสันสดใส จังหวะดนตรีที่เร่าร้อน นักเต้นรำพริ้วไหวพร้อมเพรียงกัน เป็นมนต์สเน่ห์ที่ไม่ควรพลาดในการเข้าชม
พักค้างคืน ณ St.Petersburg
3 พระราชวังแคทเธอรีน - โบสถ์หยดเลือด - ถนนเนฟสกี้
เดินทางสู่เมืองพุชกิ้น เข้าชม “พระราชวังแคทเธอรีน” (CATHERINE PALACE หรือ TSARKOYE SELO) สร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เป็นพระราชวังที่สวยงามประดุจเพรชน้ำเอก ใช้เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระมเหสีองค์โปรด คือ พระนางแคเธอรีนที่ 1 ต่อมาก็ยกให้พระธิดาอลิซาเบธในปี ค.ศ. 1741 สถาปนิกผู้ออกแบบคือ Bartolomeo Francesco Rastrelli ต่อมาในยุคของพระนางแคเธอรีนมหาราช มีการบูรณะและต่อเติมภายนอกพระราชวังตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสาน ตัวอาคารทาสีฟ้าสดใส มีหลังคารูปโดมสีทองสุกปลั่ง โดยนำเอาความโดดเด่นของศิลปะแบบรัสเซียและศิลปะแบบบารอคมารวมกันและเป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระเจ้าซาร์ต่อมาเรื่อยๆจนถึงกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ พระเจ้านิโคลัสที่ 2 ก็มาพำนักอยู่และถูกจับตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่นี่ ส่วนภายในพระราชวังมีห้องพักผ่อนจำนวน 50 ห้อง เช่น ห้องโถงรูปภาพ ห้องอาหารค่ำสีเขียว เป็นต้นโดยเฉพาะห้องอำพัน(แอมเบอร์รูม) ซึ่งเป็นห้องที่สวยงามมาก ประกอบด้วย อำพัน ทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนังห้องรูปภาพ และเครื่องใช้ต่างๆประดับด้วยอำพันมาตกแต่งทั้งหมดอิสระให้ท่านเดินชมสวนอันร่มรื่นงดงามในสไตล์ฝรั่งเศส
โบสถ์หยดเลือด (SPILLED BLOOD CHURCH) โบสถ์แห่งการกลับคืนของพระคริสต์ โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ทรงสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 (พระบิดา) ที่ถูกลอบปลงพระชนม์ ในปี ค.ศ. 1881 พระองค์ทรงนำรูปแบบสถาปัตยกรรมของรัสเซียใน ค.ศ. ที่ 16-17 มาใช้ในการก่อสร้าง สถาปัตยกรรมมีลักษณะรูปทรงคล้ายวิหารเซนต์บาซิล ที่กรุงมอสโคว์ นำท่านเดินเที่ยวชม ถนนเนฟสกี้ (NEVSKY PROSPEKT) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะถนนประวัติศาสตร์ ศูนย์กลางของนครเซนต์ปีเตอร์สเบริ์ก ความยาวของถนน 4.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่หน้าพระราชวังฤดูหนาว สิ้นสุดที่สถานีรถไฟมอสโก บนถนนมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ในช่วงศตวรรษที่ 18-20 เป็นทั้งสถานที่ย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย พระราชวัง โรงละคร ร้านค้า โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ประวัติการสร้างถนนเนฟสกี้ สร้างในปี ค.ศ. 1710 ในสมัยของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ด้วยฝีมือของสถาปนิก Alexandre Jean Baptiste Le Blond เดิมในปี ค.ศ. 1738 เรียกว่า Nevskaya Perspective ภายหลังมีการก่อสร้าง ตกแต่งเพิ่มเติม จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1760 เป็นถนนเส้นหลักของเมืองและในปี ค.ศ. 1783 เปลี่ยนชื่อเป็น Nevsky Prosperkt ที่ใช้มาถึงปัจจุบัน....อิสระให้ท่านได้เดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
พักค้างคืน ณ St.Petersburg
4 นครเซนปีเตอร์เบิร์ก - (บิน) สู่กรุงมอสโคว์ - สแปร์โรว์ฮิลล์หรือ เลนินฮิลล์ - มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ - จัตุรัสแดง (กิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย ,อนุสรณ์สถานเลนิน, หอนาฬิกาซาวิเออร์,พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์) - วิหารเซ็นต์บาซิล- ห้างสรรพสินค้ากุม
ออกเดินทางสู่กรุงมอสโคว์ ด้วยสายการบินภายใน (ท่านจองตั๋วเอง) จากนั้นพาท่านขึ้นสู่จุดสูงสุดของมอสโคว์ สแปร์โรว์ฮิลหรือ เลนินฮิล ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมอสโคว์โลโมโนชอฟ มหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดอาคารสไตล์ สตาลินกอธิค อิสระให้ท่านชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลของตัวเมืองมอสโคว์ พร้อมเก็บภาพประทับใจได้ตามอัธยาศัย....จากนั้นนำท่านชมความยิ่งใหญ่อลังการของ มหาวิหารเซนต์เดอะซาเวียร์ ( ST. SAVIOR CATHEDRAL ) หรือ “ วิหารโดมทองที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย “ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับแม่น้ำมอสโคว์ มหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะจากสงครามนโปเลียน เมื่อปี 1812 ใช้เวลาก่อสร้างนาน 45 ปี งดงามด้วยยอดโดมสีทอง 5 โดมที่ถูกหล่อด้วยแผ่นทองทั้งหมด ซึ่งตัดกับสีขาวของอิฐผนังโบสถ์ ความสูงโดยรวม 103 เมตร เนื้อที่ 6,805 ตารางเมตร เป็นโดมคริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ที่สูงที่สุดในโลก ภายในโบสถ์มีการตกแต่งที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่นในรัสเซีย คือตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกซึ่งออกแบบโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น รวมไปถึงภาพเขียนพระเยซูและนักบุญต่างๆ ที่วาดขึ้นอย่างวิจิตร แต่ต่อมา สตาลิน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้นได้สั่งให้ทุบโบสถ์ทิ้งเพื่อดัดแปลงเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนกระทั่งประธานาธิบดี บอริสเยลซิน ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ ซึ่งจำลองของเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เปิดให้เข้าชมครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 เพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองกรุงมอสโคว์ครบรอบ 850 ปี ปัจจุบันใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย
จากนั้นนำท่านชมความวิจิตรงดงามของ กรุงมอสโคว์ เมืองหลวงของประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย ที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขา 7 ลูก มีแม่น้ำมอสควาไหลผ่านกลางเมือง ผ่านชมย่านธุรกิจการค้าที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ จัตุรัสแดง (RED SQUARE) จัตุรัสเเดง หรือ Red Square ซึ่งเป็นจัตุรัสที่มีความเก่าแก่ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของรัสเซียเป็นอย่างมาก สีแดง ในความหมายของภาษารัสเซีย คือความสวยงาม และความดีงาม ซึ่งเป็นสีประจำของพรรคคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น จัตุรัสแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำคัญ ที่ใช้ในการจัดงานหรือพิธีสำคัญของรัส เซียมาอย่างยาวนาน หากจะเปรียบไปแล้วคงเฉกเช่นเดียว กับสนามหลวงในกรุงเทพมหานครของประเทศไทย เป็นจัตุรัสที่สวยงามที่สุดในโลก สร้างในปี ค.ศ. 17 ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญตั้งอยู่กลางใจเมืองของมอสโคว์ สร้างด้วยหินแกรนิตและหินอ่อน นับล้านชิ้นถูกตอกลงบนพื้นจนกลายเป็นลานหินโมเสกเป็นพื้นที่ลานกว้าง ทางด้านหน้าจัตุรัสแดงนั้นเป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย สังเกตุได้จากที่พื้นถนนจะมีสัญลักษณ์เป็นวงกลม และภายในวงกลมนี้เอง ก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยืนกลางวงกลมนั้นและโยนเศษเหรียญข้ามไหล่ตัวเองไปด้านหลัง
เพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโควอีกครั้ง ลานกว้างของจัตุรัสแดงนี้มีพื้นที่กว้าง 695 เมตร ยาว 130 เมตร ทำหน้าที่เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ ของรัสเซียมาหลายยุคหลายสมัย บริเวณจัตุรัสแดงยังประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ รายรอบอีกมากมาย อาทิเช่น ผ่านชมอนุสรณ์สถานเลนิน อนุสรณ์สถานของผู้นำพรรคบอลเชวิคที่ปัจจุบันล่มสลายไปกับความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียต, หอนาฬิกาซาวิเออร์ ตั้งอยู่บนป้อมสปาสสกายา ลักษณะคล้ายหอบิ๊กเบนอังกฤษ , พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อาคารเก่าแก่ที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของรัสเซีย
จากนั้นชมภายนอกวิหารเซ็นต์บาซิล (ST. BASIL'S CATHEDRAL) หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของกรุงมอสโคว์ ด้วยรูปทรงที่มีลักษณะเป็นโดมรูปหัวหอม 9 ยอด สีสันสดใส ความสูงของยอดโบสถ์ 47.5 เมตร ตั้งตระหง่านสง่างามขนาบข้างด้วยกำแพงเครมลิน สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 (Ivan the Terrible) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรบชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซาน ในปี พ.ศ. 2095 หลังจากถูกปกครองกดขี่มานานหลายร้อยปี ออกแบบโดยสถาปนิก ปอสนิก ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) และด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมจึงทำให้มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่า พระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มากจึงมีคำสั่งให้ปูนบำเหน็จแก่สถาปนิกผู้ออกแบบ ด้วยการควักดวงตาทั้งสอง เพื่อไม่ให้สถาปนิกผู้นั้นสามารถสร้างสิ่งที่สวย งามกว่านี้ได้อีก การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานามอีวานมหาโหด
อิสระท่านในการเดินช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม ณ ห้างสรรพสินค้า GUM ห้างสรรพสินค้าชื่อดังของกรุงมอสโคว์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ตัวอาคารสวยงามมาก ออกแบบโดย Aleksander Pomerantsev ในปี 2432-24-36 ในรูปแบบเรียกว่า "Russian Revival" มีหลังคากระจกโค้ง โครงเหล็กให้แสงส่องเข้ามาให้ความสว่างแก่ตัวอาคารได้เป็นอย่างดี เป็นการประหยัดพลังงานระเบียงทางเดินก่ออิฐถือปูน เดินได้ตลอด มีความสวยงามมาก น่าเดินเล่นไม่ควรพลาดชม ภายในห้างมีร้านค้ากว่า 200 ร้าน จำหน่ายสินค้าแทบทุกประเภทรวมถึงสินค้ายี่ห้อดังๆ รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ และภัตตาคาร
พักค้างคืน ณ MOSCOW
5 พระราชวังเครมลิน (โบสถ์อัสสัมชัญ,ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์,หอระฆังอีวาน) - พิพิธภัณฑ์อาร์มเมอรี่แชมเบอร์ - สถานีรถไฟใต้ดิน - ช้อปปิ้ง ณ ถนนอาราบัท - รัสเซี่ยนเซอร์คัส
ชม “พระราชวังเครมลิน” สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่สวยงามอันเป็นจุดกำเนิดแห่งประวัติศาสตร์รัสเซียที่มีอายุยาวนานกว่า 850 ปี ประกอบด้วย 700 ห้อง มีเนื้อที่ใช้สอย ประมาณ 20,000 ตารางเมตร ผ่านชมโบสถ์อัสสัมชัญ เป็นโบถส์ที่เก่าแก่ที่สุดและสำคัญที่สุด ของรัสเซีย โดยพระเจ้าอิวานที่ 3 มหาราช สร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1475-1479 ก่อสร้างทับลงบน โบถส์ที่เก่าแก่โดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของอิตาลียุคนั้นคือ อริสโตเติ้ล ปิโอราอานติ, ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ และหอระฆังพระเจ้าอีวาน เป็นระฆังยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เนื่องจากในขณะหล่อ มีการผิดพลาดทางเทคนิค จึงทำให้แตกออกระฆังนี้หนักกว่า 200 ตันสูง 6 เมตร เป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์หล่อในค.ศ.ที่ 18 ใช้ช่างหล่อถึง 200 คน จากนั้นนำคณะท่านสู่ พิพิธภัณฑ์อาร์มเมอรี่แชมเบอร์ เริ่มก่อสร้างตามพระบัญชาของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นที่เก็บของสะสมของเจ้าชายมัสโควีในช่วง ค.ศ. 14 -15 ต่อมามีการต่อเต็ม และสร้างใหม่ ภายในเป็น สถานที่เก็บสมบัติล้ำค่ากว่า 4,000 ชิ้น วัตถุล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์แสดงถึงความมั่งคั่งและมีคุณค่าสูงของงานฝีมือ รวบรวมไว้ในอดีตกาลประกอบด้วยบรรดาศาสตราวุทยุทโธปกรณ์ เครื่องบรรณาการ บัลลังก์งาช้าง / บัลลังก์เพชร เครื่องป้องกันตัว หมวก เสื้อเกราะที่ใช้รบในสมรภูมิ เครื่องเงิน/ทอง/เพชรพลอย / เครื่องทรงของกษัตริย์รัสเซียพระเจ้าซาร์และซารีน่า รวมถึงชุดไข่ฟาแบร์เช่ซึ่งหาดูได้ยากยิ่ง
ชม สถานีรถไฟใต้ดินกรุงมอสโคว์ ความสวยงามใต้ภิภพ เป็นเสน่ห์ชวน หลงไหลอีกอย่างหนึ่งของกรุงมอสโก ด้วยการก่อสร้างที่ยากมากในสมัยนั้น (พ.ศ. 2474 และการตกแต่งภายในแต่ละสถานีล้วนวิจิตรการตา ไม่ว่าจะเป็นงานปฏิมากรรม งานจิตรกรรม งานสเตนกราส (กระจกสี) อีกทั้งโคมไฟและลายประดับดาต่างๆ ล้วนปราณีต วิจิต บรรจง การให้สีต่างๆ เมื่อเปิดไฟแล้วดูอบอุ่น กลมกลืนกันไม่มีการขัดแย้งเลย การสร้างรถไฟใต้ดินเป็นไปตามโครงการพัฒนาประเทศ 5 ปีแรก ของ โจเซฟ สตาลิน ใช้กำลังทหารและเยาวชนทั้งชายและหญิงกว่า 13,000 คน อีกทั้งยังมีอาสาสมัครอีกมากมาย รถไฟสายแรกที่สร้างเสร็จ คือ Park Kultury เสร็จสินปี พ.ศ. 2478 ยาว 11.6 กิโลเมตร ตอจากนั้นอีก 4 ปี เปิดอีก 22 สถานี ตามเจตนารมณ์ของเลนินที่ต้องการรองรับผู้โดยสารให้ได้ถึง 1 ล้านคน แรงจูงใจที่ทำให้สร้างรถไฟใต้ดิน เพื่อให้ประชาชนให้เห็นถึงความยิงใหญ่ และเพื่อให้ประชาชนชื่นชอบในระบอบการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันมี 165 สถานี รวมระยะทาง 265 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ย 90 กม./ชม. ในช่วงสงครามกับเยอรมันนี ใช้เป็นที่หลบภัยและเพื่อเป็นที่กำบังต่อสู่กับทหารนาซี
อิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัยบน ถนนอาราบัท ซึ่งเป็นถนนคนเดิน ( Walking street ) ทั้ง 2 ข้างทางของถนนเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ชื่อถนนนี้ปรากฏมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ในประวัติเมืองมอสโก บันทึกว่าเคยเกิดเพลิงไหม้ครั้งหนึ่งเมื่อปี 1493 ในสมัยศตวรรษที่ 16 ในรัชสมัยกษัตริย์อีวานจอมโหด ถนนสายนี้เป็นที่อยู่อาศัยของตำรวจลับ ต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 17 เป็นที่อยู่ของชนชั้นขุนนาง และศิลปินที่มีผู้อุปถัมภ์ พอมาถึงศตวรรษที่ 20 มีการสร้างตึก 2 ชั้นและ 3 ชั้นดังที่เห็นได้ในปัจจุบัน ปี 1917 ตึกเหล่านี้ใช้เป็นอพาร์ทเมนท์ที่อยู่ร่วมกันหลายครอบครัวของชนชั้นกรรมกร แต่พอมาถึงสมัยสหภาพโซเวียต ถนนอาราบัทเป็นที่ย่านพักของเกิดมีชนชั้นใหม่ นั่นก็คือ สมาชิกระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ประมาณปี 1985 ถนนอารบัตได้กลายเป็นถนนคน เดิน ต่อมาก็เป็นถนนที่ใครๆก็รู้จัก และคึกคักที่สุด เพราะเป็นแหล่งชุมนุมศิลปิน จิตรกร ร้านขาย ของที่ระลึก ร้านกาแฟ ศูนย์วัฒนธรรม โรงละคร เป็นต้น
หากต้องการ พาชม “ รัสเซี่ยนเซอร์คัส ” ชื่อดังก้องโลก ภายในเป็นอัฒจันทร์ทรงกลมล้อมรอบภาพที่เห็นจึงเป็นการมองจากที่สูง มีการแสดงของคน การแสดงกายกรรมไต่ลวด การขี่ม้าผาดโผน การแสดงมายากลที่ชวนคิด เกือบทุกฉากสลับกับการเต้นรีวิวประกอบดนตรีของสาวงามรัสเซีย มีวงดนตรีวงใหญ่บรรเลงสดๆ แสง สี เสียงเข้ากับจังหวะลีลาบรรยากาศในแต่ละฉากที่จะทำให้ท่านเพลิดเพลินไม่รู้จบ
พักค้างคืน ณ MOSCOW
6 มอสโคว์
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม วันนี้ไม่มีทัวร์ เราจัดรถส่งท่าน ณ สนามบินมอสโคว์ ตามเวลากำหนด
ราคา
เดินทาง 4 ท่าน ท่านละ 65,000 บาท
ราคารวม
- รถตู้/รถโค้ชพร้อมคนขับรถ ตามขนาดของกรุ๊ป (ราคารวมน้ำมัน ทางด่วน โรงแรม และอาหารคนขับแล้ว)
- ที่พักพร้อมอาหารเช้า ราคาไม่เกินคืนละ 5,000 บาท ต่อห้องคู่ หากต้องการอัพเกรด จ่ายเพิ่มเองตามจริง
- ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม
ราคาไม่รวม
- ทิปคนขับ
- อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
- หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 18,000 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว
การจ่ายเงิน
• งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,350 บาท สามารถจองผ่านบัตรเครดิต ผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน)
• งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว
• งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน
• งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)